การผ่อนคลายแบบสปา มีมากมายหลายวิธี
ทั้งนวดหน้า นวดเท้า นวดตัว ซึ่งจะบำบัดด้วยวิธีที่แตกต่างกันออกไป
และที่กำลังเป็นสปาที่น่าสนใจอีกอย่าง คือสปาที่ใช้ปลาบำบัดเท้า
โดยใช้ปลาซึ่งเป็นปลานำเข้า เป็นปลาที่ได้รับการรับรองจากหลายประเทศทั่วโลกทั้ง
ตุรกี ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ว่าสามารถบำบัดและรักษาโรคได้จริง
ซึ่งปลาที่ว่านี้คือปลาในครอบครัว
ปลาคาร์พและมินโน (minnow and carp family) ชื่อว่าปลา การา รูฟา (Garra rufa)
ซึ่งเป็นปลาน้ำจืด มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Cyprinion Macrostomus หรือชื่ออื่น ๆ
เช่น Doctor fish, Nibble fish, Kangal fish และ Redish log sucker
แต่ชื่อที่เป็นที่รู้จักกันได้แก่ Gara rufa (การา รูฟา) เป็นปลาน้ำจืด
จะมีอายุประมาณ 6-7 ปี ความยาวเต็มที่ประมาณ 7 เซนติเมตร โดยปกติปลาการา
รูฟานี้จะว่ายวนอยู่บริเวณท้องน้ำ หา algae (จำพวกแพลงตอน หรือเห็ดราเล็กๆ)
ใต้น้ำกินเป็นอาหาร
ที่ปลาการารูฟาถุกขนามนามว่า Doctor Fish
เนื่องจากประโยชน์ของการทำสปาปลาการา รูฟานั้น คือการช่วยกินเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
โดยการเกาะและตอดในลักษณะสั่นแบบช็อตไฟฟ้าหรือที่เรียกว่า Spark vibration
ทำหน้าที่ดูดเซลล์ผิวหนังที่ตาย แบคทีเรียและเชื้อราที่ก่อให้เกิดกลิ่นอับที่เท้า
อีกทั้งน้ำลายของปลาพันธุ์นี้จะมีเอนไซม์ชื่อว่า Diathanol
ซึ่งทำหน้าที่กระตุ้นผิวให้เกิดเซลล์ใหม่และช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวเก่าที่สึกหรอ
ช่วยให้ผิวดูชุ่มชื่นขึ้นและช่วยรักษารอยแตกที่ส้นเท้าได้
ปลาจะคอยตอดทำให้รู้สึกจั๊กกะจี๊นิดๆ เหมือนถูกกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ
มันจะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย สบายเท้า
ในทางการแพทย์ถือว่าการใช้ปลาการา รูฟา
บำบัดเป็นวิธีการธรรมชาติบำบัดที่ได้ผลดีที่สุดทางหนึ่งแต่ปัจจุบันปลาการา รูฟา
ที่อาศัยในตะวันออกกลางนั้นได้ถูกจัดเป็นสัตว์สงวนแล้ว
เราจึงต้องหาซื้อจากประเทศญี่ปุ่นแทนเนื่องจากประเทศญี่ปุ่นได้ทำการซื้อสายพันธุ์ปลาชนิดนี้
ในประเทศไทยมีการนำปลาหมอสี
มาใช้ในการให้บริการด้านการทำสปาปลาเช่นกัน ซึ่งความแตกต่างระหว่างปลาการา รูฟา
จากประเทศญี่ปุ่น กับปลาหมอสีของประเทศไทยนั้นอยู่ที่การบำบัดให้บริการ
ปลาหมอสีจะบำบัดทุกส่วนของร่างกาย แต่ปลาการารูฟาจะบำบัดเฉพาะที่เท้าเท่านั้น
และในด้านลักษณะทางกายภาพของตัวปลา ปลาหมอสีนั้นจะโตเร็วมาก
ทำให้ต้องหาพันธุ์ปลามาทดแทนตัวเก่าตลอดเวลาเนื่องจากไม่สามารถใช้ปลาที่มีขนาดของตัวใหญ่มาทำการเกาะและดูดที่ผิวหนังของมนุษย์ได้เพราะจะทำให้เกิดแผลและเลือดออกมาก
และจะเป็นอันตรายต่อมนุษย์ แต่การใช้ปลาการา รูฟา
นั้นมีข้อดีตรงที่ปลาจะเจริญเติบโตเต็มที่ในขนาดของลำตัวที่ 7
เซนติเมตรเท่านั้นภายในระยะเวลา 7 ปี และไม่เป็นขนาดที่ใหญ่จนเป็นอันตรายต่อมนุษย์
ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง
อีกทั้งยังเป็นที่ยอมรับจากวงการแพทย์ในการเลือกใช้เพื่อดูแลรักษาสภาพผิว
ประโยชน์ของการทำสปาปลาการา
รูฟา
• ทําความสะอาดผิวหนัง หรือ
กระบวนการปลาบําบัด
•
ช่วยกําจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายออกไป
• ช่วยลดปัญหากลิ่น
เพราะปลาช่วยกําจัดแบคทีเรีย และ เชื้อราที่เท้าและมือ
•
กระตุ้นประสาทสัมผัสบริเวณเท้าและมือ
• ช่วยทําให้เท้านุ่มและเนียน
• เป็นการพักผ่อน
ทําให้รู้สึกผ่อนคลายและสร้างความสนุกสนาน
แต่รู้หรือไม่ว่า
การใช้บริการสปาปลาก็มีข้อจำกัดเหมือนกัน???
ก่อนอื่น ผู้สนใจเข้ารับบริการในสปาปลา
ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าทางร้านเอาปลาอะไรมาใส่ไว้ในอ่างปลา
เพราะปลาการ์รารูฟาจะเป็นปลาที่ไม่มีฟันแหลมคม
ไม่ทำให้เกิดบาดแผลที่เท้าของผู้ใช้บริการ แต่เนื่องจากปลาดังกล่าวเป็นปลานำเข้า
ราคาแพง และหายาก
จึงมีผู้ประกอบการหัวใสแอบเอาปลาที่มีลักษณะและพฤติกรรมคล้ายกันมาใช้แทน
การใช้ปลาชนิดอื่นเพื่อทดแทนปลานำเข้า
ผู้ใช้บริการต้องตรวจสอบให้ดีว่าปลาที่ใช้มีปากแบบดูด และมีนิสัยชอบดูด
ไม่ใช่กัดงับด้วย ขากรรไกร เพราะแทนที่จะเป็นการบำบัดรักษา ตอดเอาผิวที่ลอกออก
อาจทำให้เกิดแผลที่เท้าได้
ตรวจสอบปลาแล้ว
ก็ต้องมาตรวจสอบตัวเองว่ามีแผลที่เท้า หรือว่าเพิ่งจะโกนขนหน้าแข้ง
หรือตัดเล็บ
หรือไม่ หากมีแผลหรือเพิ่งโกนขนหน้าแข้ง
หรือเพิ่งจะตัดเล็บเท้ามา ก็ไม่ควรจะไปใช้บริการสปา
เพราะอาจทำให้ติดโรคจากการใช้บริการสปาปลาได้
นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์
ประธานกรรมการทุนวิจัยวัณโรคดื้อยา
ศิริราชมูลนิธิในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา
กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ กล่าวว่า “สปาปลา ถือเป็นแฟชั่นเป็นของแปลกใหม่ที่ใครๆ
ก็อยากลอง แต่ก็ต้องตระหนักถึงอันตรายของมันด้วย 15 รัฐในสหรัฐอเมริกา
ได้มีการสั่งห้ามไม่ให้มีการเปิดสปาปลา เพราะไม่ถูกสุขลักษณะอนามัย
และมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อโรคจากการใช้บริการสปาปลาได้
โดยเฉพาะโรควัณโรคเทียมที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังในคนได้
ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาหายได้ยากและต้องใช้เงินในการรักษาเป็นจำนวนมาก”
วัณโรคเทียม เป็นโรคที่ไม่ติดต่อระหว่างคนต่อคน เหมือนกับวัณโรคปอด ยกเว้นมีแผล
เป็นโรคที่ทนต่อคลอรีน ทำให้เกิดแผลบริเวณผิวหนัง ตุ่มหนอง เรื้อรังไม่หาย
นอกจากเชื้อวัณโรคเทียมแล้ว ยังมีโอกาสที่จะติดเชื้อโรคอื่นๆ
ที่เกิดจากเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย จากการแช่เท้าอยู่ร่วมกันในอ่างปลา
โดยมีน้ำเป็นตัวนำพา และการที่ปลาตอดคนโน้นทีคนนี้ที
ก็สามารถเป็นพาหะนำโรคได้เช่นกัน ดังนั้นก่อนใช้บริการสปาปลา
ต้องตรวจสอบให้ดีว่ามีแผลที่เท้า เพิ่งโกนหน้าแข้ง หรือเพิ่งจะตัดเล็บเท้ามาหรือไม่
เพราะแผลเพียงเล็กน้อย แบบแทบจะมองไม่เห็น เชื้อโรคก็สามารถเข้าไปได้
ที่สำคัญอย่างยิ่ง ไม่ควรลืมสอบถามเจ้าหน้าที่ของสถานบริการถึงสาธารณสุข
ทั้งเรื่องการคัดกรองผูู้เข้าใช้บริการ การดูแลสุขอนามัยของน้ำและปลา
ก่อนการตัดสินใจใช้บริการ
“แบคทีเรียบางชนิดที่อาศัยอยู่ในน้ำ
จะทนต่อระบบกรอง ยู วี และทนต่อคลอรีน
นอกจากผู้ใช้บริการสปาปลาจะต้องระมัดระวังให้มากแล้ว
ผู้ที่เลี้ยงปลาสวยงามเองก็ต้องระมัดระวัง เพราะมีสิทธิติดเชื้อวัณโรคเทียม
และโรคอื่น ๆ ที่เกิดจากเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย
โดยมีน้ำเป็นตัวนำพาได้เหมือนกับการใช้บริการสปาปลาเช่นกัน” นพ.มนูญ
กล่าวสรุป.
สปาปลาในทัศนะของ
นายแพทย์รัสมิ์ภูมิ สุเมธีวิทย์
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง
อธิบายถึงธรรมชาติของเจ้าปลาการ์รา รูฟา
(Garra Rufa) ที่ใช้ในการทำสปาปลาว่า ปลาการ์รา รูฟา
ที่ใช้ในการทำสปาปลานี้จะตอดเอาผิวที่ลอกและเสียของเราออกไป
ถ้าเป็นบริเวณผิวปกติปลาชนิดนี้จะตอดน้อยกว่า
มีการอ้างว่าสามารถบำบัดรักษาโรคผิวหนังบางอย่างได้และเท่าที่พบก็มีการอ้างอิงว่าสามารถบำบัดรักษาโรคสะเก็ดเงินและโรคภูมิแพ้ผิวหนัง
(Eczema) ได้
แต่ปัจจุบันก็ยังไม่มีรายงานทางวิชาการที่น่าเชื่อถือเพียงพอ
ทั้งทางสถิติข้อมูลและจำนวนคนที่เป็นกลุ่มตัวอย่างในการศึกษารวมทั้งการรวบรวมขอ้มูลก็ยังไม่ชัดเจนว่าถ้าทำสปาปลาแล้วจะช่วยรักษาโรคผิวหนังได้จริง
เพราะเป็นการสรุปกลุ่มเล็กๆ ไม่ได้มีการยืนยันเอามาใช้ได้ในวงกว้าง
แต่ที่น่าจะพอช่วยได้ก็คือ
ช่วยทำให้ตาปลาที่กำลังจะลอกให้หลุดออกได้ง่ายขึ้นและมีผลทางด้านจิตใจ
เพราะคนที่ใช้บริการก็จะรู้สึกว่าได้ผ่อนคลายเหมือนถูกนวดกระตุ้น
สำหรับผู้ที่มีอาการทางผิวหนังก็จะรู้สึกว่าตัวเองกำลังได้รับการรักษาอยู่ก็อาจส่งผลดีได้เช่นกัน
ข้อแนะนำหากเราจะใช้บริการสปาปลาสักแห่งต้องพิจารณาอะไรบ้าง
มาตรฐานสปาปลาที่ดี คุณหมอรัสมิ์ภูมิ
สุเมธีวิทย์
อธิบายถึงปัจจัยที่เอื้อต่อสปาปลาที่ได้มาตรฐานในการบำบัดว่า
การใช้ปลาบำบัดรักษาเกี่ยวกับผิวหนังคงไม่ใช่แค่การให้ปลาตอดอย่างเดียว
แต่การบำบัดรักษาต้องมีแหล่งน้ำธรรมชาติที่เอื้ออำนวยในการบำบัดด้วย
คือต้องอยู่ในแหล่งน้ำตามธรรมชาติที่มีองค์ประกอบเหมาะสม เช่น เป็นบ่อน้ำพุ
บ่อน้ำร้อน บ่อน้ำแร่
มาตรฐานที่ 2
แหล่งน้ำต้องมีแร่ธาตุสำคัญในการบำบัดผิว
แหล่งน้ำต้องมีแร่ธาตุที่มีส่วนช่วยในการรักษาผิวหนัง เช่น ซีลีเนียม
เพราะซีลีเนียมมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างผิวหนัง ผลัดเปลี่ยนผิวหนัง
สร้างเซลล์ใหม่และส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
หรือแหล่งน้ำนั้นต้องมีความเค็มของน้ำที่เหมาะสม
มาตรฐานที่ 3
มีแสงแดดแสงอัลตราไวโอเลตในระดับที่เหมาะสม
นอกจากนี้แหล่งน้ำที่ใช้ในการบำบัด
ต้องมีแสงแดดและแสงอัลตราไวโอเลตในระดับที่เหมาะสมเฉพาะกับแหล่งน้ำนั้นด้วย
เมื่อรู้ถึงการเลือกสปาปลาที่ได้มาตรฐานในการบำบัดแล้ว
ก็เลือกใช้บริการได้อย่างสบายใจ
โรคเสี่ยงจากสปาปลาที่ขาดสุขอนามัย
คุณหมอรัสมิ์ภูมิ
สุเมธีวิทย์ เล่าถึงอันตรายจากการใช้บริการสปาปลาที่ไม่ถูกสุขอนามัยว่า
•
การแช่รวมกันหลาย ๆ คน
ก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อโรคอย่างเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรียได้ง่าย
เชื้อโรคเหล่านี้อาจมาจากผิวหนังหรือจากเล็บก็ได้
และสามารถติดต่อไปสู่คนที่แช่อยู่ด้วยกันได้ โดยมีน้ำเป็นตัวนำพา
•
นอกจากนี้ปลาที่ตอดคนโน้นที คนนี้ที ก็สามารถนำเชื้อโรคมาสู่เราได้ด้วยเช่นกัน
ถึงเปลี่ยนน้ำ แต่ถ้าใช้ปลาชุดเดียวกัน ก็อาจทำให้ติดเชื้อโรคได้เหมือนกัน เช่น
โรคผิวหนังจากเชื้อรา โรคผิวหนังจากเชื้อแบคทีเรีย เช่น โรคซูโดโมแนส
นอกจากนี้ยังมีโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา
และเชื้อแบคทีเรียที่เข้าสู่ผิวหนังชั้นลึก
•
ดังนั้นการถามกับเจ้าหน้าที่ของสถานบริการถึงสุขอนามัยทั้งเรื่องการคัดกรองผู้เข้าใช้บริการที่ไม่มีปัญหาผิวหนังและการดูแลสุขอนามัยของน้ำและปลาจึงจำเป็นอย่างยิ่ง
ได้ข้อมูลดี ๆ
อย่างรอบด้านกันแล้ว ทีนี้ก็เลือกใช้บริการสปาปลาได้อย่างสบายใจ
ที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเพื่อนตัวเล็ก ๆ ที่ว่ายอยู่รอบ ๆ เท้า
ช่วยดูแลเรา... เรียบเรียงบทความ "สปาปลาบำบัด Spa Fish Therapy" โดยกองบรรณาธิการ
www.ok-spa.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น