S E A R C H

วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2556

The Orientist Spa

The Orientist Spa
สปาแนะนำ กรุงเทพมหานคร

บูติคสปาสุดหรู ใจกลางกรุงเทพ ในราคาที่เป็นกันเอง สัมผัสบรรยากาศแสนอบอุ่น โดย พนักงานที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์

ด้วยความพิเศษ และสถานที่ชั้นยอดของ The Orientist Spa ที่ทุกท่านสามารถพักผ่อน และปลดปล่อยความเครียดจากการทำงาน มาสัมผัสบรรยากาศที่อบอุ่น พร้อมการดูแลเอาใจใส่ที่เป็นมิตรและ เปี่ยมไปด้วยคุณภาพให้ท่านรู้สึกราวกับอยู่ในวิมาน ด้วยผลิตภัณฑ์จาก สมุนไพรออแกนิกส์ ที่จะให้คุณได้รับคุณค่าจากธรรมชาติ 100 %

 

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ ดิ ออเร็นทิสต์ สปา

แผนที่ The Orientist Spa
เส้นทางแนะนำ

เส้นทางที่ 1 : มาจากสี่แยกรัชโยธินประมาณ 800 เมตร เลี้ยวขวาตรงไฟแดงแยกเสนานิคม เข้าซอยพหลโยธิน 32
ตรงมาประมาณ 300 เมตร The Orientist Spa จะอยู่ทางขวามือ

เส้นทางที่ 2 : มาจากสี่แยกเกษตร ประมาณ 700 เมตร เลี้ยวซ้ายตรงไฟแดงแยกเสนานิคม เข้าซอยพหลโยธิน 32
ตรงมาประมาณ 300 เมตร The Orientist Spa จะอยู่ทางขวามือ

เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. (รับนัดสุดท้ายเวลา 19.30 น.)

  

The Orientist Spa (สาขาเสนานิคม)
Sasha House the Boutique Penthouse
100/2-5 ซ.พหลโยธิน 32, เสนานิคม 1 ซ. 6 ถ.พหลโยธิน
แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

http://www.theorientistspa.com/

CHANTRARA SPA สปาเพื่อสุภาพ

CHANTRARA SPA สปาเพื่อสุภาพ
สปาแนะนำ กรุงเทพมหานคร

 

ดีท๊อกหน้าขาวด้อยออกซิเจนบริสุทธิ์ Facial Detox White purify Oxgen Treatment Package 60 นาที

กับ 8 ขั้นตอน

1.ทำความสะอาดหน้าด้วยครีมน้ำนม
2 ดีท๊อกหน้าหน้า ด้วย Detox White purify Oxgen
3.สครับหน้า ด้วยครีมน้ำนมข้าว
4.อบโอโซนด้วยน้ำแร่บริสุทธิ์
5.นวดหน้าด้วยครีมนวดหน้า หรือวิตามินซี บริสุทธิ์
6.มาร์กหน้าด้วยหน้ากาก ทองคำ หรือมาร์กหน้าด้วยหน้ากาก คอราเจน
7.บำรุงผิวหน้า
8.ฉีดสเปร น้ำแร่ บำรุงผิว

การสครับผิว + นวดอโรม่า บำรุงผิว

การบริการ 90 นาที
ปกติผิวจะมีการผลัดเซลล์ผิวทุก 2-4 สัปดาห์ แต่เมื่ออายุเกิน 20 ปี การผลัดเซลล์ผิวจะช้าลง ทำให้เกิดปัญหาริ้วรอย และผิวหมองคล้ำ การขัดผิวด้วยฟองน้ำ เกลือขัดผิว แปรง หรือวิธีอื่น ๆ จึงช่วยให้เซลล์ผิวผลัดตัวเร็วขึ้น ทำให้ผิวดูกระจ่างใส

- ผิวแห้ง การขัดผิวที่เสื่อมสภาพออก จะช่วยให้ครีมบำรุงผิวซึมซาบเข้าสู่ชั้นผิว ผิวจึงไม่แห้งตึง

- ผิวผสม ลดปัญหาการเกิดสิว ช่วยให้สีผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ

- ผิวมัน ช่วยให้รูขุมขนสะอาดขึ้น ลดการอุดตัน และลบเลือนรอยดำจากสิว

- ผิวที่มีริ้วรอย กระตุ้นกระบวนการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติให้ทำงานดีขึ้น ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอย และความหมองคล้ำ ผิวจึงดูสดใสและอ่อนวัยขึ้น

- ผิวที่ไม่เรียบเนียน ช่วยลบเลือนจุดด่างดำและริ้วรอยที่เกิดจากสิว

- ผิวแตกลาย / ผิวเปลือกส้ม การขัดผิวด้วยฟองน้ำนุ่ม ๆ หรือใยบวบธรรมชาติที่แช่น้ำจนนิ่ม ในบริเวณที่ผิวแตกลาย เป็นคลื่น เป็นลอน ทุกวัน จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต และลบเลือนริ้วรอยให้จางลงได้

การขัดผิวหน้าควร ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง และขัดผิวกายเดือนละ 1-2 ครั้ง โดยวนมือเป็นวงกลมเบา ๆ หลังขัดผิวควรหามอยส์เจอไรเซอร์มาเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ทางร้านจันทร์ธาราสปา มองเห็นคุณค่าอันสำคัญชของการดูแลผิว จึงได้สรรหาสิ่งสครับ เนื้อดีเพื่อดูแลผิวพรรณ เรามีสครับในลูกค้าเลือก มากกว่า 10ชนิด ตามความชอบมาทำการขัดตัวลูกค้า จากนั้น จะตามด้วยการนวดอโรม่า ด้วยน้ำมันนวดผิว เพื่อลดความเมื่อยล้า พร้อมกับการผักผ่อน

แผนที่ร้านจันทร์ธาราสปา สาขารามคำแหง โรงแรมบางกอกอินเตอร์เพลส รามคําแหง 24 : Bangkok Inter Place Hotel



http://www.chantrara-spa.com/

 
ฮาพาสปา (ฮาปาสปา) Hapa Spa
สปาแนะนำ กรุงเทพมหานคร

ฮาพาสปา(ฮาปาสปา(Hapa) เป็นสปาหรูในใจกลางกรุงเทพฯ ให้คุณรู้สึกถึงบรรยากาศที่อบอุ่น และเป็นกันเอง Hapa บริการนวดบำบัดจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จของ Hapa เป็นทั้งสปาและสถานเสริมความงามนี้เป็นที่รู้จักกว้างขวางในหมู่คนรักสปาและคนรักการดูแลสุขภาพอย่างจริงจังการคัดสรรจากการบำบัดทาง


Hapa Body Massage programs

Aroma Body Massage

One of the most popular treatments at a spa in Thailand, it is the art and science of treating human illness and creating and enhancing mood with essential oils that derived from plants to achieve therapeutic benefit through inhalation and massage.
Aroma massage has a positive affect the autonomic nervous system, reducing the level of harmful stress hormones in the body, stimulate the blood circulation?while increasing the supply of nutrients and oxygen to cells. Massage also stimulates lymphatic flow, improving tissue drainage and improving the immune system

Asian Blend Aroma Body Massage

A relaxing and restorative massage that combine Thai and Aroma Body Massage together.

Swedish Aroma Body Massage Massage

technique that helps create total relaxation by increasing your blood circulation, muscle stimulation and lymphatic flow of the body. Pressure can range from light to total firm to relax tensed muscles. You will feel lighted and refreshed.

Sport Aroma Body Massage

A deep tissue massage, ideal for those who prefer deeper muscular manipulation, especially suitable for athletes to relieve muscles tightened from vigorous activities, daily stress or overused muscles . A special technique is applied to deliver a strong massage.
 

Hapa Body Treatment Programs

Bringing a gourmet experience to your Body !!! 100% Pure Organic
Launching ** New Scrub**

Permanganate + Coal + Mangosteen Body Scrub Cream *****(Recommended)

Permanganate + Coal + Mangosteen Body Scrub Cream for exfoliating and get rid of dead cells, Mangosteen extracts will also act as antioxidant, keeping away free radicals which can damage your skin, also rich in vitamins A,C,E to keep your skin toned and soft.

Pita Body Scrub Cream

Pita Body Scrub Cream with the pure essential oil 100%, shear butter, sweet almond oil, pita oil, cucumber extract and walnut bead scrub to feel relax with aroma sense boost up the movement which is combined of fire element. It helps in the waste drainage out of the skin effectively. This scrub can make the body fresh and energize with the elastic of skin and good with the burn fatty inside the body. The taste by touching through the skin and make the skin brightening with the warm for body.

การเดินทาง

จากถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เลี้ยวเข้าซอยนานา (สุขุมวิท 3 ) ผ่านแยกมักกะสันแล้วตรงไป เลี้ยวซ้ายเข้าซอยโรงแรมพีบี ร้านฮาพาสปาอยู่ตรงข้ามกับโรงแรมพีบี
ที่จอดรถ : บริเวณหน้าร้านฮาพาสปา (ฮาปาสปา)
  • สินค้าและบริการ

    - บริการ นวดไทย,นวดอโร่มา,ทำทรีทเม้นท์,ขัดผิว,จากุซซี่,บิวตี้ซาลอน,เสริมความงามแบบครบวงจร- สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0-2253-9860, 0-2252-8549
  •  
     http://www.hapaspa.com/spa-service/spa/

    CT Spa Life

    CT Spa Life
    สปาแนะนำ  กรุงเทพมหานคร

    สปาชั้นนำที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ในการผสานภูมิปัญญาตะวันออกกับการบำบัด บำรุง จากธรรมชาติ นิยามความสวยงาม พร้อมสุขภาพร่างกายและจิตใจที่สมดุล
    ที่คุณสามารถสัมผัสประสบการณ์จริงได้ จาก Treatments เพื่อความผ่อนคลายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ด้วยผลิตภัณฑ์จากพืชพรรณ organic
    ที่มีให้เลือกหลากหลายทั้งโปรแกรม Signature Spa, Body Spa (สปาผิวกาย), Facial Spa (สปาผิวหน้า),
    และ โปรแกรม Body Design (จัดกรอบรูปร่างให้สวยงามได้สัดส่วน) ตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่เช่นคุณอย่างลงตัว

    Indian Ear Candling สู่สมดุลของร่างกายและจิตใจ พร้อมผิวหน้าสดใส ด้วย สปา “เทียนหู” ศาสตร์แห่งอินเดียนโบราณ
    Chinese Incense Aroma Therapy กระตุ้นระบบหมุนเวียนในร่างกาย คืนความอ่อนเยาว์และสัดส่วน ที่กระชับด้วยธูปอโรมาแบบราชสำนักจีน ภูมิปัญญาที่มีมาช้านานของโลกตะวันออก (exclusive at สาขาทองหล่อ ซอย 8 และ สุขุมวิท 26)
    Hot Stone De-Stress การนวดผสาน 3 พลังจากหินฌานร้อน น้ำมันธาตุพิเศษ และทฤษฎีหยิน-หยาง พื่อเสริมพลังร่างกาย และความผ่อนคลายล้ำลึก
    Total Lifting (Guasha) ปรับรูปเรียวผิวหน้า ผิวรอบดวงตา และบริเวณลำคอ เพื่อผิวหน้า ยกกระชับ สดใส ด้วยการทำกวาซาจากหยก ผสานวิทยาการล่าสุด
    Beyond Time เพื่อผิวหน้าอ่อนเยาว์ ขาวพิสุทธิ์
    Asian Aroma Massage นวดอโรมาผสานเสน่ห์การนวดประคบแบบไทย เพื่อผิวพรรณ เปล่งปลั่ง ผ่องใส

    CT Spa Life 6 Studios… 6 อารมณ์สปา... ในสถานที่ตั้งสะดวก เดินทางสบาย ทั้งใจกลางเมืองและเขตปริมณฑล

    Studio ทองหล่อ ซอย 8 โทร. 02-714-9481-2
    Studio สุขุมวิท 26 โทร. 02-204-2897-8
    Studio ซูซูกิ อเวนิว รัชโยธิน โทร. 02-930-3604-5
    Studio เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน โทร. 02-550-0931-2
    Studio เดอะมอลล์ บางแค โทร. 02-803-8317-8
    Studio Future Park Rangsit โทร. 02-958-0491-8

    พิเศษ..กับ 2 โปรแกรมใหม่ล่าสุด
    ไขความลับมหัศจรรย์จากตำนานเล่าขานผ่านกาลเวลารังสรรค์ สู่ treatments ทองคำบริสุทธิ์ ทรงคุณค่าเพื่อความงามและเยาว์วัย
    Aura Miracle ผิวพรรณเปล่งประกาย เจิดจำรัสด้วย treatment ทองคำบริสุทธิ์
    The Legend of Beauty ลดเลือนทุกร่อยรอยแห่งกาลเวลาด้วย treatment ทองคำบริสุทธิ์

    CT Spa Life ทองหล่อ

    ที่อยู่ : 262/3 ซอยซอย สุขุมวิท 55 (ทองหล่อ 8) ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ

    Massage Spa Bangkok | ร้านนวด สปา กรุงเทพฯ แนะนำ++

    Massage Spa Bangkok | ร้านนวด สปา กรุงเทพฯ แนะนำ ++





    CT Spa Life





     



    CHANTRARA SPA






















    ท่านสามารถเพิ่มรายละเอียดร้ านนวด ร้านสปา
    ได้ที่ช่องความคิดเห็นครับ

    Massage Spa Chiangmai | ร้านนวด สปา เชียงใหม่ แนะนำ++

    Massage Spa Chiangmai | ร้านนวด สปา เชียงใหม่ แนะนำ++























    ท่านสามารถเพิ่มรายละเอียดร้ านนวด ร้านสปา  
    ได้ที่ช่องความคิดเห็นครับ

    วิธีการทำสปาผม สูตรครีมดีท็อกซ์ผม

    วิธีการทำสปาผม สูตรครีมดีท็อกซ์ผม
    ทางเลือกใหม่...เพื่อคนรักผม


    ในยุคที่แฟชั่นเปลี่ยนสีผมได้รับความนิยมสูงในบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นสาวใหญ่ สาวน้อย หรือชายเจ้าสำอาง ต่างย้อมสีผมให้เห็นอยู่ทุกมุมเมือง ทว่าย้อมบ่อยครั้งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทำให้สุขภาพเส้นผมที่เคยเงาสลวยแตกปลายหรือกระด้าง ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดธุรกิจแนวใหม่คือ "สปาผม" โดยพึ่งพืชสมุนไพรไทย ปัญหาของคนจำนวนมากที่ผ่านการย้อมผม เปลี่ยนสีผม ดัดผม เป่าผม หนีบผม รวมไปถึงการใช้ยาสระผม บำรุงผมที่มีสารเคมี ทำให้ผมขาดความเงางามและเสียง่าย ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้เริ่มมองหาวิธีการใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้ผมกลับมามีสุขภาพดีดังเดิม

    การคืนสู่ธรรมชาติเป็นสิ่งที่ดีที่สุด จึงมีการคิดสูตรแชมพูและครีมนวดสูตรต่าง ๆ ที่ทำจากสมุนไพรสด เช่น มะกรูด ขิง ตะไคร้ ประคำดีควาย อันชัญ ว่านหางจระเข้ และถั่วเหลือง เพื่อสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค และผู้ที่ให้บริการด้านการทำ "สปาผม" นอกจากจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และวิธีการใช้แล้ว ยังจะต้องมีความรู้ในเรื่องการนวดศีรษะ ต้นคอ ไหล่และหลังควบคู่ไปด้วย ซึ่งขั้นตอนการนวดจะช่วยให้เลือดหมุนเวียนที่เป็นส่วนสำคัยในการช่วยให้สุขภาพของผมและหนังศีรษะดีขึ้น


    สำหรับขั้นตอนการทำ "สปาผม"

    คือขั้นตอนการดูแลหนังศีรษะและเส้นผม ที่เริ่มจากการสระผมให้สะอาด แล้วหมักด้วยครีมดีทอกซ์ ที่ช่วยในการล้างพิษและเชื้อโรคบนหนังศีรษะ และยังช่วยเปิดกระเปาะผม ที่จะช่วยให้เซลล์ผมงอกได้ง่าย ในระหว่างที่หมัก จะมีการนวดศีรษะร่วมด้วย เพื่อให้เลือดไหลเวียนหล่อเลี้ยงหนังศีรษะและรากผม แล้วทิ้งไวประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด เช็ดหมาดๆ ใส่แฮร์โทนิคบำรุงรากผม

    ก่อนที่เราจะทำ "สปาผม" เราควรรู้เกี่ยวกับสภาพเส้นผมของแต่ละชนิดของเส้นผมเสียก่อน

    ลักษณะเส้นผมของคนเราไม่เหมือนกันมีทั้งเส้นผมหนา ผมเส้นเล็ก ผมสั้น ผมยาว บ้างผมสั้นเหมือนกัน ผมยาวเหมือนกัน แต่ลักษณะเส้นผมไม่เหมือนกัน ทำให้การบำรุงและรักษาดูแลก็จะแตกต่างกันไปตาม ลักษณะของเส้นผม เรามาทำความรู้จักเส้นผมก่อนการบำรุงกันดีกว่า

    • ผมแห้ง กับการทำ "สปาผม"

    ลักษณะของผมแห้งคือ ผมที่ขาดน้ำหนัก ไม่มีน้ำมันจากหนังศีรษะมาหล่อเลี้ยงทำให้ผมแห้ง และไม่มีความเงางามของเส้นผม และอาจจะส่งผลทำให้ผมแห้งเสียแตกปลาย เกิดรังแค และหนังศีรษะแห้ง สาเหตุสำคัญของการเกิดผมแห้งเสีย คือการย้อม ดัด กัดสีผม โดนความร้อนจากไดร์เป่าผม ความร้อนจากแสงอาทิตย์ การว่ายน้ำในสระ หรือน้ำทะเล ก็ทำให้ผมแห้งเสียได้ ปัญหาเหล่านี้ ถ้าเราปล่อยละเลยและไม่บำรุงจะทำให้เส้นผมแห้งเสียอย่างรุนแรงได้ ดังนั้นสำหรับผมแห้งควรใช้ครีมนวดผมหลังสระและนวดบริเวณหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นให้หนังศรีาะสร้างน้ำมันมาหล่อเลี้ยงเส้นผมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น


    • ผมมัน กับการทำ "สปาผม"

    เนื่องจากมีการผลิตน้ำมันจากหนังศีรษะมากจนเกินไป ทำให้ดูเหนียวเหนอะหนะ และมีฝุ่น ละออง มาเกาะตามเส้นผม ทำให้ผมขาดชีวิตชีวา จัดแต่งทรงผมยาก เพราะฉะนั้นคนทีมีผมมันหมั่นสระผมบ่อยๆ ไม่ต้องใช้ครีมนวดแต่ถ้าต้องใช้ ก็นวดตรงบริเวณปลายผม เพราะถ้านวดบริเวณหนังศีรษะก็ จะกระตุ้นให้หนังศีรษะผลิตน้ำมันออกมามากยิ่งขึ้น

    • ผมเส้นเล็ก กับการทำ "สปาผม"

    ลักษณะของผมเส้นเล็ก เป็นผมลีบแบนชิดหนังศีรษะ แต่เนื่องจากผมเส้นเล็กเป็นผมที่เรียงกันสวย ไม่ยุ่งเหยิง เพราะฉะนั้นเราควรจะใช้ผลิตภัณฑ์อ่อนโยน และไม่เข้มข้นในการสระและนวด เพราะถ้าเราใช้ครีมชโลมผมมากเกินไป ก็จะทำให้ดูลีบแบนเข้าไปอีก ดูไม่สวยงาม ดังนั้น เราควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เข้ากับเส้นผม

    • ผมธรรมดา กับการทำ "สปาผม"

    จะไม่ค่อยมีปัญหาอะไรเพราะผมธรรมดา จะมีสมดุลในตัวอยู่แล้ว ทำให้เส้นผมมีความนุ่ม สลวย เงางาม ผมธรรมดาจึงใช้ผลิตภัณฑ์ได้ง่ายในการดูแลบำรุงเส้นผม แต่ถึงอย่างไรก็ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับเส้นผมถึงจะดี

    • ผมหยักศก กับการทำ "สปาผม"

    ลักษณะของผมหยักศกคือหยิกตามธรรมชาติแล้วแต่ว่าผมจะหยิกมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับพันธุกรรม ผมหยักศกจะจัดแต่งทรงค่อนข้างยากเพราะว่าจะจัดแต่งทรงได้เพียงไม่กี่ทรง เนื่องจากผมจะดูชี้ฟูและแห้ง ฉะนั้นในการดูแลผมหยักศกเบื้องต้นคือใช้แชมพูที่มีความอ่อนโยนต่อเส้นผม เวลาแปรงผมควรแปรงด้วยความอ่อนนุ่มและเบามือ และไม่ควรหวีผมหรือแปรงผมบ่อยหรือถ้าผมดูยุ่งก็ใช้มือสางเบาๆ ได้ นอกจากนี้เวลานวดผมควรนวดบริเวณหนังศีรษะเพื่อกระตุ้นให้มีการบำรุงตามธรรมชาติ หลังจากนั้นนวดกลางผมไล่ไปถึงปลายผม ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์แบบเจลจะดีกว่า เพราะจะช่วยลดความหยาบกระด้างของเส้นผมได้เป็นอย่างดี

    • ผมเส้นหนา กับการทำ "สปาผม"

    เป็นผมที่มีน้ำหนักดูนุ่มสลวย เวลาสะบัดผมจะดูพลิ้วไหว มีชีวิตชีวา ไม่ลีบแบน ติดหนังศีรษะ ลักษณะของผมหนา เวลาสระผมต้องล้างให้สะอาด เพราะถ้าล้างไม่สะอาด อาจมีสารเคมีตกค้างที่เส้นผมได้ อย่างไรก็ตามอย่าขาดการบำรุงผมจะดูยุ่ง ฟู และขาดน้ำหนักได้

    • ผมย้อม ดัด กัด โกรก หรือผมเสีย กับการทำ "สปาผม"

    ในปัจจุบันนิยมที่จะย้อม ดัด กัดโกรกเส้นผมกันมากขึ้นเพื่อให้เขากับบุคคลิก เนื่องจากการกระทำกับผมแบบนี้ อาจส่งผลทำให้ผมแห้งเสียได้ เราจึงต้องใส่ใจดูแลบำรุงมากกว่าผมแบบอื่นเป็นพิเศษ ฉะนั้นการอบไอน้ำก็จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม ทำให้ผมนุ่มมากขึ้น และการหมักผมอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง ก็ช่วยให้ดีขึ้นได้ ดังนั้นควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยน และมีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงเส้นผม แต่ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เพื่อผมที่ทำสี ย้อม ดัด กัด โกรก โดยตรง

    • ผมตรงยาว กับการทำ "สปาผม"

    เป็นผมที่ดูแลค่อนข้างง่าย แต่ก็ไม่สามารถจะละเลยในการดูแลได้เพราะว่าผมตรงที่ยาวมากๆ ปลายผมก็จะต้องได้รับการดูแลด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ปลายผมแห้งแตกปลาย ดังนั้นเวลาสระผม จึงต้องล้างผมให้สะอาด และบำรุงด้วยครีมนวดผม เวลานวดควรนวดบริเวณปลายผมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่น เพราะน้ำมันธรรมชาติไม่สามารถมาเลี้ยงถึงปลายผมได้ เพราะฉะนั้นอย่างขาดการดูไม่อย่างนั้นแล้วผมแห้งแตกปลายแน่

    แนะนำสูตรครีมดีท็อกซ์ผม สำหรับการทำ "สปาผม" แบบง่ายๆ แต่ได้ผลดีเกินคุ้ม

    • สูตรครีมดีท็อกซ์ "สปาผม" สูตรที่ 1

    ใช้โยเกิร์ตผสมกับน้ำมันมะกอก หมักผมทิ้งไว้อย่างน้อยครึ่งชม. ก่อนสระผมหรือถ้ามีเวลาให้หมักไว้นานกว่านั้น ผมจะสวยปิ๊งจริง ๆ

    • สูตรครีมดีท็อกซ์ "สปาผม" สูตรที่ 2

    ใช้หัวกะทิคั้นสด ๆ ผสมกับน้ำมันมะกรูด หมักไว้ รับรองผมจะเงา ดำ มัน นุ่มแบบธรรมชาติ

    • สูตรครีมดีท็อกซ์ "สปาผม" สูตรที่ 3

    ใช้มายองเนสหรือน้ำมันมะพร้าว จะทำให้เส้นผมนุ่มตามธรรมชาติ

    • สูตรครีมดีท็อกซ์ "สปาผม" สูตรที่ 4

    ใช้โยเกิร์ต ผสมน้ำมันมะกอก ผสมไข่แดง ผสมน้ำผึ้ง สรรพคุณเกินคำบรรยาย

    • สูตรครีมดีท็อกซ์ "สปาผม" สูตรที่ 5

    สูตรหมักผมด้วยเบียร์ สุดยอดในการทำให้เส้นผมนิ่มมาก เป็นเงางามสะท้อนแสง มีน้ำหนักและกระเด้งดึ๋ง ๆ ซึ่งเบียร์ผลิตจากพวกธัญพืช สารอาหารเหล่านี้จะซึมเข้าสู่เส้นผมได้ง่ายและปลอดภัย โดยสามารถใช้เบียร์ยี่ห้อไหนก็ได้ ใช้บริมาณตามความยาวของเส้นผมและความหนาของเส้นผม ปกติใช้ไม่เกิน 1/3 ของกระป๋อง นำมาผสมกับไข่แดง ทาลงบนเส้นผมที่แห้งให้ทั่วผม ไม่ต้องทาหนังศีรษะ จากนั้นเอาผ้าหนา ไปโพกหัว เพราะเบียร์จะมีกลิ่นเหม็น จนเส้นผมพอแห้งหรือหมาด ๆ ก็สระผมตามปกติ อาจจะต้องสระผมหลาย ๆ รอบจนกว่ากลิ่นเบียร์จะหมดไป

     
    เรียบเรียงบทความ "สปาผม วิธีการทำสปาผมและสูตรครีมดีท็อกซ์ผม ทางเลือกใหม่เพื่อคนรักผม"

    โดยกองบรรณาธิการ www.ok-spa.com

    สปาปลาบำบัด [Fish Spa Therapy]

    สปาปลา บำบัด [Fish Spa Therapy]
     
    การผ่อนคลายแบบสปา มีมากมายหลายวิธี ทั้งนวดหน้า นวดเท้า นวดตัว ซึ่งจะบำบัดด้วยวิธีที่แตกต่างกันออกไป และที่กำลังเป็นสปาที่น่าสนใจอีกอย่าง คือสปาที่ใช้ปลาบำบัดเท้า โดยใช้ปลาซึ่งเป็นปลานำเข้า เป็นปลาที่ได้รับการรับรองจากหลายประเทศทั่วโลกทั้ง ตุรกี ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ว่าสามารถบำบัดและรักษาโรคได้จริง

    ซึ่งปลาที่ว่านี้คือปลาในครอบครัว ปลาคาร์พและมินโน (minnow and carp family) ชื่อว่าปลา การา รูฟา (Garra rufa) ซึ่งเป็นปลาน้ำจืด มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Cyprinion Macrostomus หรือชื่ออื่น ๆ เช่น Doctor fish, Nibble fish, Kangal fish และ Redish log sucker แต่ชื่อที่เป็นที่รู้จักกันได้แก่ Gara rufa (การา รูฟา) เป็นปลาน้ำจืด จะมีอายุประมาณ 6-7 ปี ความยาวเต็มที่ประมาณ 7 เซนติเมตร โดยปกติปลาการา รูฟานี้จะว่ายวนอยู่บริเวณท้องน้ำ หา algae (จำพวกแพลงตอน หรือเห็ดราเล็กๆ) ใต้น้ำกินเป็นอาหาร

    ที่ปลาการารูฟาถุกขนามนามว่า Doctor Fish เนื่องจากประโยชน์ของการทำสปาปลาการา รูฟานั้น คือการช่วยกินเซลล์ผิวที่ตายแล้ว โดยการเกาะและตอดในลักษณะสั่นแบบช็อตไฟฟ้าหรือที่เรียกว่า Spark vibration ทำหน้าที่ดูดเซลล์ผิวหนังที่ตาย แบคทีเรียและเชื้อราที่ก่อให้เกิดกลิ่นอับที่เท้า อีกทั้งน้ำลายของปลาพันธุ์นี้จะมีเอนไซม์ชื่อว่า Diathanol ซึ่งทำหน้าที่กระตุ้นผิวให้เกิดเซลล์ใหม่และช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวเก่าที่สึกหรอ ช่วยให้ผิวดูชุ่มชื่นขึ้นและช่วยรักษารอยแตกที่ส้นเท้าได้ ปลาจะคอยตอดทำให้รู้สึกจั๊กกะจี๊นิดๆ เหมือนถูกกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ มันจะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย สบายเท้า

    ในทางการแพทย์ถือว่าการใช้ปลาการา รูฟา บำบัดเป็นวิธีการธรรมชาติบำบัดที่ได้ผลดีที่สุดทางหนึ่งแต่ปัจจุบันปลาการา รูฟา ที่อาศัยในตะวันออกกลางนั้นได้ถูกจัดเป็นสัตว์สงวนแล้ว เราจึงต้องหาซื้อจากประเทศญี่ปุ่นแทนเนื่องจากประเทศญี่ปุ่นได้ทำการซื้อสายพันธุ์ปลาชนิดนี้

    ในประเทศไทยมีการนำปลาหมอสี มาใช้ในการให้บริการด้านการทำสปาปลาเช่นกัน ซึ่งความแตกต่างระหว่างปลาการา รูฟา จากประเทศญี่ปุ่น กับปลาหมอสีของประเทศไทยนั้นอยู่ที่การบำบัดให้บริการ ปลาหมอสีจะบำบัดทุกส่วนของร่างกาย แต่ปลาการารูฟาจะบำบัดเฉพาะที่เท้าเท่านั้น และในด้านลักษณะทางกายภาพของตัวปลา ปลาหมอสีนั้นจะโตเร็วมาก ทำให้ต้องหาพันธุ์ปลามาทดแทนตัวเก่าตลอดเวลาเนื่องจากไม่สามารถใช้ปลาที่มีขนาดของตัวใหญ่มาทำการเกาะและดูดที่ผิวหนังของมนุษย์ได้เพราะจะทำให้เกิดแผลและเลือดออกมาก และจะเป็นอันตรายต่อมนุษย์ แต่การใช้ปลาการา รูฟา นั้นมีข้อดีตรงที่ปลาจะเจริญเติบโตเต็มที่ในขนาดของลำตัวที่ 7 เซนติเมตรเท่านั้นภายในระยะเวลา 7 ปี และไม่เป็นขนาดที่ใหญ่จนเป็นอันตรายต่อมนุษย์ ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง อีกทั้งยังเป็นที่ยอมรับจากวงการแพทย์ในการเลือกใช้เพื่อดูแลรักษาสภาพผิว


    ประโยชน์ของการทำสปาปลาการา รูฟา

    • ทําความสะอาดผิวหนัง หรือ กระบวนการปลาบําบัด

    • ช่วยกําจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายออกไป

    • ช่วยลดปัญหากลิ่น เพราะปลาช่วยกําจัดแบคทีเรีย และ เชื้อราที่เท้าและมือ

    • กระตุ้นประสาทสัมผัสบริเวณเท้าและมือ

    • ช่วยทําให้เท้านุ่มและเนียน

    • เป็นการพักผ่อน ทําให้รู้สึกผ่อนคลายและสร้างความสนุกสนาน

    แต่รู้หรือไม่ว่า การใช้บริการสปาปลาก็มีข้อจำกัดเหมือนกัน???

    ก่อนอื่น ผู้สนใจเข้ารับบริการในสปาปลา ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าทางร้านเอาปลาอะไรมาใส่ไว้ในอ่างปลา เพราะปลาการ์รารูฟาจะเป็นปลาที่ไม่มีฟันแหลมคม ไม่ทำให้เกิดบาดแผลที่เท้าของผู้ใช้บริการ แต่เนื่องจากปลาดังกล่าวเป็นปลานำเข้า ราคาแพง และหายาก จึงมีผู้ประกอบการหัวใสแอบเอาปลาที่มีลักษณะและพฤติกรรมคล้ายกันมาใช้แทน

    การใช้ปลาชนิดอื่นเพื่อทดแทนปลานำเข้า ผู้ใช้บริการต้องตรวจสอบให้ดีว่าปลาที่ใช้มีปากแบบดูด และมีนิสัยชอบดูด ไม่ใช่กัดงับด้วย ขากรรไกร เพราะแทนที่จะเป็นการบำบัดรักษา ตอดเอาผิวที่ลอกออก อาจทำให้เกิดแผลที่เท้าได้

    ตรวจสอบปลาแล้ว ก็ต้องมาตรวจสอบตัวเองว่ามีแผลที่เท้า หรือว่าเพิ่งจะโกนขนหน้าแข้ง หรือตัดเล็บ

    หรือไม่ หากมีแผลหรือเพิ่งโกนขนหน้าแข้ง หรือเพิ่งจะตัดเล็บเท้ามา ก็ไม่ควรจะไปใช้บริการสปา เพราะอาจทำให้ติดโรคจากการใช้บริการสปาปลาได้

    นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ ประธานกรรมการทุนวิจัยวัณโรคดื้อยา ศิริราชมูลนิธิในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ กล่าวว่า “สปาปลา ถือเป็นแฟชั่นเป็นของแปลกใหม่ที่ใครๆ ก็อยากลอง แต่ก็ต้องตระหนักถึงอันตรายของมันด้วย 15 รัฐในสหรัฐอเมริกา ได้มีการสั่งห้ามไม่ให้มีการเปิดสปาปลา เพราะไม่ถูกสุขลักษณะอนามัย และมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อโรคจากการใช้บริการสปาปลาได้ โดยเฉพาะโรควัณโรคเทียมที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังในคนได้ ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาหายได้ยากและต้องใช้เงินในการรักษาเป็นจำนวนมาก” วัณโรคเทียม เป็นโรคที่ไม่ติดต่อระหว่างคนต่อคน เหมือนกับวัณโรคปอด ยกเว้นมีแผล เป็นโรคที่ทนต่อคลอรีน ทำให้เกิดแผลบริเวณผิวหนัง ตุ่มหนอง เรื้อรังไม่หาย นอกจากเชื้อวัณโรคเทียมแล้ว ยังมีโอกาสที่จะติดเชื้อโรคอื่นๆ ที่เกิดจากเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย จากการแช่เท้าอยู่ร่วมกันในอ่างปลา โดยมีน้ำเป็นตัวนำพา และการที่ปลาตอดคนโน้นทีคนนี้ที ก็สามารถเป็นพาหะนำโรคได้เช่นกัน ดังนั้นก่อนใช้บริการสปาปลา ต้องตรวจสอบให้ดีว่ามีแผลที่เท้า เพิ่งโกนหน้าแข้ง หรือเพิ่งจะตัดเล็บเท้ามาหรือไม่ เพราะแผลเพียงเล็กน้อย แบบแทบจะมองไม่เห็น เชื้อโรคก็สามารถเข้าไปได้ ที่สำคัญอย่างยิ่ง ไม่ควรลืมสอบถามเจ้าหน้าที่ของสถานบริการถึงสาธารณสุข ทั้งเรื่องการคัดกรองผูู้เข้าใช้บริการ การดูแลสุขอนามัยของน้ำและปลา ก่อนการตัดสินใจใช้บริการ

    “แบคทีเรียบางชนิดที่อาศัยอยู่ในน้ำ จะทนต่อระบบกรอง ยู วี และทนต่อคลอรีน นอกจากผู้ใช้บริการสปาปลาจะต้องระมัดระวังให้มากแล้ว ผู้ที่เลี้ยงปลาสวยงามเองก็ต้องระมัดระวัง เพราะมีสิทธิติดเชื้อวัณโรคเทียม และโรคอื่น ๆ ที่เกิดจากเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย โดยมีน้ำเป็นตัวนำพาได้เหมือนกับการใช้บริการสปาปลาเช่นกัน” นพ.มนูญ กล่าวสรุป.


    สปาปลาในทัศนะของ

    นายแพทย์รัสมิ์ภูมิ สุเมธีวิทย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง

    อธิบายถึงธรรมชาติของเจ้าปลาการ์รา รูฟา (Garra Rufa) ที่ใช้ในการทำสปาปลาว่า ปลาการ์รา รูฟา ที่ใช้ในการทำสปาปลานี้จะตอดเอาผิวที่ลอกและเสียของเราออกไป ถ้าเป็นบริเวณผิวปกติปลาชนิดนี้จะตอดน้อยกว่า มีการอ้างว่าสามารถบำบัดรักษาโรคผิวหนังบางอย่างได้และเท่าที่พบก็มีการอ้างอิงว่าสามารถบำบัดรักษาโรคสะเก็ดเงินและโรคภูมิแพ้ผิวหนัง (Eczema) ได้

    แต่ปัจจุบันก็ยังไม่มีรายงานทางวิชาการที่น่าเชื่อถือเพียงพอ ทั้งทางสถิติข้อมูลและจำนวนคนที่เป็นกลุ่มตัวอย่างในการศึกษารวมทั้งการรวบรวมขอ้มูลก็ยังไม่ชัดเจนว่าถ้าทำสปาปลาแล้วจะช่วยรักษาโรคผิวหนังได้จริง เพราะเป็นการสรุปกลุ่มเล็กๆ ไม่ได้มีการยืนยันเอามาใช้ได้ในวงกว้าง แต่ที่น่าจะพอช่วยได้ก็คือ ช่วยทำให้ตาปลาที่กำลังจะลอกให้หลุดออกได้ง่ายขึ้นและมีผลทางด้านจิตใจ เพราะคนที่ใช้บริการก็จะรู้สึกว่าได้ผ่อนคลายเหมือนถูกนวดกระตุ้น สำหรับผู้ที่มีอาการทางผิวหนังก็จะรู้สึกว่าตัวเองกำลังได้รับการรักษาอยู่ก็อาจส่งผลดีได้เช่นกัน

    ข้อแนะนำหากเราจะใช้บริการสปาปลาสักแห่งต้องพิจารณาอะไรบ้าง

    มาตรฐานสปาปลาที่ดี คุณหมอรัสมิ์ภูมิ สุเมธีวิทย์ อธิบายถึงปัจจัยที่เอื้อต่อสปาปลาที่ได้มาตรฐานในการบำบัดว่า
    การใช้ปลาบำบัดรักษาเกี่ยวกับผิวหนังคงไม่ใช่แค่การให้ปลาตอดอย่างเดียว แต่การบำบัดรักษาต้องมีแหล่งน้ำธรรมชาติที่เอื้ออำนวยในการบำบัดด้วย คือต้องอยู่ในแหล่งน้ำตามธรรมชาติที่มีองค์ประกอบเหมาะสม เช่น เป็นบ่อน้ำพุ บ่อน้ำร้อน บ่อน้ำแร่
    มาตรฐานที่ 2 แหล่งน้ำต้องมีแร่ธาตุสำคัญในการบำบัดผิว
    แหล่งน้ำต้องมีแร่ธาตุที่มีส่วนช่วยในการรักษาผิวหนัง เช่น ซีลีเนียม เพราะซีลีเนียมมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างผิวหนัง ผลัดเปลี่ยนผิวหนัง สร้างเซลล์ใหม่และส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย หรือแหล่งน้ำนั้นต้องมีความเค็มของน้ำที่เหมาะสม
    มาตรฐานที่ 3 มีแสงแดดแสงอัลตราไวโอเลตในระดับที่เหมาะสม
    นอกจากนี้แหล่งน้ำที่ใช้ในการบำบัด ต้องมีแสงแดดและแสงอัลตราไวโอเลตในระดับที่เหมาะสมเฉพาะกับแหล่งน้ำนั้นด้วย
    เมื่อรู้ถึงการเลือกสปาปลาที่ได้มาตรฐานในการบำบัดแล้ว ก็เลือกใช้บริการได้อย่างสบายใจ
    โรคเสี่ยงจากสปาปลาที่ขาดสุขอนามัย
    คุณหมอรัสมิ์ภูมิ สุเมธีวิทย์ เล่าถึงอันตรายจากการใช้บริการสปาปลาที่ไม่ถูกสุขอนามัยว่า
    • การแช่รวมกันหลาย ๆ คน ก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อโรคอย่างเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรียได้ง่าย เชื้อโรคเหล่านี้อาจมาจากผิวหนังหรือจากเล็บก็ได้ และสามารถติดต่อไปสู่คนที่แช่อยู่ด้วยกันได้ โดยมีน้ำเป็นตัวนำพา
    • นอกจากนี้ปลาที่ตอดคนโน้นที คนนี้ที ก็สามารถนำเชื้อโรคมาสู่เราได้ด้วยเช่นกัน ถึงเปลี่ยนน้ำ แต่ถ้าใช้ปลาชุดเดียวกัน ก็อาจทำให้ติดเชื้อโรคได้เหมือนกัน เช่น โรคผิวหนังจากเชื้อรา โรคผิวหนังจากเชื้อแบคทีเรีย เช่น โรคซูโดโมแนส นอกจากนี้ยังมีโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา และเชื้อแบคทีเรียที่เข้าสู่ผิวหนังชั้นลึก
    • ดังนั้นการถามกับเจ้าหน้าที่ของสถานบริการถึงสุขอนามัยทั้งเรื่องการคัดกรองผู้เข้าใช้บริการที่ไม่มีปัญหาผิวหนังและการดูแลสุขอนามัยของน้ำและปลาจึงจำเป็นอย่างยิ่ง
    ได้ข้อมูลดี ๆ อย่างรอบด้านกันแล้ว ทีนี้ก็เลือกใช้บริการสปาปลาได้อย่างสบายใจ ที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเพื่อนตัวเล็ก ๆ ที่ว่ายอยู่รอบ ๆ เท้า ช่วยดูแลเรา... เรียบเรียงบทความ "สปาปลาบำบัด Spa Fish Therapy" โดยกองบรรณาธิการ www.ok-spa.com

    วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556

    สปามือ และ สปาเท้า

    สปามือ และ สปาเท้า

    "สปามือ" และ "สปาเท้า"
    การทำ "สปามือ" และ "สปาเท้า" ได้รับความนิยมไม่น้อยไปกว่าการนวดเท้า ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง วัยรุ่นไปจนถึงวัยสูงอายุ เพราะเป็นการผ่อนคลายอารมณ์อย่างหนึ่ง ราคาไม่แพง ได้ดูแลเท้าและมือ หลังจากที่ต้องใช้งานมือและเท้ามาอย่างหนัก

    มือเป็นส่วนหยิบจับหิ้วของ โดยเฉพาะผู้หญิงวัยกลางคนขึ้นไปด้วยแล้ว มักเกิดการอักเสบที่ข้อมือจนกลายเป็นโรคนิ้วล็อก ทั้งนี้เพราะมีการใช้มือในท่าเดิมๆ ซ้ำๆ อย่างหนักนั่นเอง ส่วนเท้านั้นเป็นอวัยวะที่ต้องรับน้ำหนักร่างกายเกือบตลอดวัน ต้องเดิน ต้องวิ่ง ทำงานอย่างหนักหน่วง และเป็นศูนย์รวมปลายประสาทของอวัยวะ 62 จุด ที่ส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะอื่นๆ ในร่างกายทำให้ผู้คนนิยมนวดเท้าทั้งหญิงและชาย การทำ "สปาเท้า" จึงได้รับความนิยมไม่แพ้กัน

    "สปามือ" และ"สปาเท้า" มีการใช้สมุนไพรที่สารสกัดจากธรรมชาติควรเลือกตามกลิ่นที่ชอบ หรือดูตามธาตุ

    เจ้าเรือนด้วย เพื่อให้เหมาะกับสุขภาพของคุณ

    คนธาตุดิน
    น้ำมันที่ใช้จะเน้นส่วนผสมของลาเวนเดอร์ ซึ่งจะช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย บรรเทาปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด

    คนธาตุน้ำ
    น้ำมันที่ใช้จะเน้นส่วนผสมของขิง ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายและระบบประสาทแข็งแรง ปลอดโปร่ง เลือดไหลเวียนสะดวก ทำให้รู้สึกสดชื่น

    คนธาตุลม
    น้ำมันที่ใช้จะเน้นส่วนผสมของโรสแมรีและมะกรูด ซึ่งช่วยในเรื่องระบบหมุนเวียนเลือดให้สมดุล สร้างความกระปรี้กระเปร่า

    คนธาตุไฟ
    น้ำมันที่ใช้เน้นส่วนผสมของโรสแมรีและดอกมะลิ ซึ่งจะช่วยให้จิตใจสงบ นอนหลับสบาย ผ่อนคลายความกังวล

    ขั้นตอนการทำ "สปามือ" และ "สปาเท้า"

    เริ่มจาการแช่เท้าด้วยสมุนไพร เช่น มะกรูด ตะไคร้ ขมิ้น เป็นต้น และเกล็ดเกลือคริสตัลบริสุทธิ์จากทะเลสาบเดดซี ผสมกับน้ำมันสุคนธบำบัดที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุมากมาย จากนั้นขัดเท้าด้วยเกลือหอม จะช่วยให้ผิวเท้าดูเนียน พร้อมรักษาแผลเป็นและลดรอยด่างดำ ส่วนการพอกด้วยโคลน เพื่อเติมแร่ธาตุ และเพิ่มความนุ่มให้ผิวเท้า ก่อนจะปิดท้ายด้วยขั้นตอนการนวดด้วยน้ำมันสุคนธบำบัดตามธาตุเจ้าเรือนที่กล่าวมา


    การทำเล็บมือและเล็บเท้า

    เพราะเล็บมือ เล็บเท้าต้องทำงานหนัก เปรอะเปื้อนสิ่งสกปรก และมีการงอกของเล็บอยู่ตลอดเวลา จึงต้องหมั่นทำเล็บมือ เล็บเท้า โดยธรรมชาติทุกคนจะมีเล็บมืองอกเร็วกว่าเล็บเท้า เล็บของเด็กยาวเร็วกว่าผู้ใหญ่


    ข้อควรรู้ในการทำเล็บสำหรับการทำ "สปามือ" และ "สปาเท้า"

    เล็บเปื้อนยางผลไม้หรือยางผัก เป็นรอยสกปรกสีน้ำตาล ให้ใช้มะนาวผ่าซีกขัดถูซ้ำ ๆ จนหมดคราบ

    ถ้าแพ้หินขัด ใช้ครีมขัดผิวแทน

    การขัดผิว อย่าให้ผิวหนังเปียกน้ำมาก จะขัดไม่ออก

    การทาเล็บไว้นานหลายสัปดาห์ โดยไม่มีการพัก จะทำให้เล็บเหลืองเพราะเล็มไม่ได้รับอากาศและ

    แสงแดด

    น้ำสบู่ที่แช่เล็บควรใช้น้ำอุ่น จะทำให้ความสกปรกออกง่าย

    การตัดเล็บอย่าตัดให้โค้งมนเข้าไปด้านข้างเล็บ จะทำให้เล็บขบคือเล็บเข้าไปงอกข้างใต้เล็บ ทิ่งแทงเนื้อเกิดการอักเสบ ปวด บวม

    การตัดหนังต้องมือเบา อย่าตัดจมูกเล็บมากเกินไป ควรตัดเฉพาะส่วนที่ฉีกขาดออก

    การล้างยาทาเล็บเก่าออก ให้เอาน้ำยาล้างเล็บหยดลงไปบนก้อนสำลีให้ชื้นๆ แล้วปิดเอาไว้บนเล็บต้องการจะล้างออก เพื่อให้สีเก่าอ่อนตัวลง จะได้เช็ดออกง่าย


    วิธีการทำเล็บมือและเล็บเท้า สำหรับ "มือ" และ "สปาเท้า"

    ก่อนอื่นล้างยาทาเล็บเก่าที่ติดอยู่บนเล็บ โดยใช้สำลีชุบน้ำยาล้างเล็บแตะปลายเล็บทิ้งไว้สักพักแล้วลูบออก ล้างเล็บจากนิ้วก้อยจนถึงนิ้วหัวแม่มือ แล้วใช้สำลีเช็ดไปรอบๆ เล็บ จากโคนมาปลายเล็บ

    หลังจากนั้น ใช้กรรไกรตัดเล็บตัดเล็บให้มีความยาวเท่ากัน ตัดที่ปลายเล็บและด้านข้างให้เป็นไปตามรูปเล็บจะได้สวยงาม ตามด้วยการตะไบเล็บใช้ตะไบเหล็กตะไบแต่งเล็บ แล้วใช้ตะไบทรายแต่งอีกครั้ง เพื่อให้เล็บเรียบไม่เป็นเสี้ยน ตะไบเล็บให้ได้รูปสวยตามต้องการ และควรตะไบใปในทางเดียวกัน ไม่ควรตะไบย้อนกลับไปกลับมา

    หลังจากนั้นแช่ทั้งเล็บมือและเล็บเท้าในน้ำอุ่นผสมสบู่ บางแห่งใช้น้ำนมผสมน้ำอุ่นสัก 10 นาที เนื่องจากน้ำนมอุ่นๆ นี้ จะช่วยให้เซลล์หนังกำพร้าที่หยาบกร้านนุ่มนวล ทำให้ง่ายต่อการขจัดเซลล์หนังกำพร้าเหล่านี้ออกไป ระหว่างแช่ก็เหยาะน้ำมันมะกอกลงไปด้วยสัก 5-6 หยด เพื่อให้สิ่งสกปรกออกง่าย และหนังรอบๆ เล็บนุ่ม

    ต่อไปเป็นการแปรงเล็บ ใช้แปรงแตะสบู่ แปรงเล็บ ตามความยาวเล็บและตามขวางให้สะอาด

    ลำดับต่อมาจึงใช้น้ำลูบแขนและมือพอหมาดๆ ถูขึ้น-ลง เพื่อให้ความสกปรกออก หรือใช้หินขัดแทนก็ได้ กรณีที่ส้นเท้าค่อนข้างกร้านอาจขัดด้วยหินภูเขาไฟเบาๆ แล้วล้างน้ำให้สะอาด เช็ดให้แห้ง ที่เท้าก็ทำเช่นเดียวกัน แล้วทาน้ำมันบำรุงผิวหรือมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่น

    ใช้ตะไบเหล็กตักวาสลิน ทาบริเวณขอบหนังรอบเล็บ เพื่อให้หนังรอบเล็บนุ่ม ใช้เหล็กดุนหนังด้านมน เซาะรอบขอบเล็บ ด้านปลายแหลมแซะใต้เล็บเอาเศษสิ่งสกปรกออก

    ใช้กรรไกรตัดหนังค่อยๆ ตัดหนังรอบๆ เล็บอย่างเบาๆ อย่ากดลึก แล้วใช้สำลีชุบน้ำยาล้างเล็บทาที่เล็บและใต้เล็บ ใช้น้ำสะอาดล้าง และเช็ดมือด้วยผ้าขนหนูให้แห้ง

    ต่อไปเป็นการทาเล็บ ต้องทารองพื้นเล็บด้วยน้ำยารองพื้นเสมอ เพื่อปกป้องกันเล็บจากน้ำยา และทำให้การเช็ดสีเล็บทำได้ง่าย เริ่มจากนิ้วก้อยก่อนจนถึงนิ้วหัวแม่มือแล้วทิ้งไว้ให้แห้ง สำหรับเล็บเท้าให้ใช้สำลีก้อนสอดระหว่างนิ้วเพื่อให้ทาง่าย

    หลังจากนั้นทาเล็บโดยเริ่มแต้มบางๆ ที่ปลายเล็บก่อน เพราะเป็นส่วนที่สีจะลอกง่ายที่สุด จากนั้นจึงเริ่มทาจากโคนเล็บขึ้นมา และทาด้านข้าง ทายาทาเล็บ 2 ครั้ง เพื่อให้สีเล็บสวยและสีไม่บางเกินไป เมื่อทาเสร็จอาจใช้ไม้พันสำลี ค่อยๆ เช็ดรอบๆ เล็บ เอาสีที่เปื้อนเลอะออกไป แล้วจึงค่อยทาน้ำยาเคลือบสีเล็บ ถ้าอยากให้สีสันติดทนนานๆ ควรทาน้ำยาเคลือบสีเล็บวันเว้นวัน จะช่วยปกป้องสีเล็บไม่ให้หลุดออกไปได้นานนับสัปดาห์

    เรียบเรียงบทความ "สปามือ และ สปาเท้า" โดยกองบรรณาธิการ www.ok-spa.com

    สปาหู Ear Candeling

    สปาหู Ear Candeling

    ความเครียดจากงาน... อาการปวดหูจาการใช้โทรศัพท์... หรือแม้กระทั่งคนที่เป็นไซนัส... ตลอดจนระบบทางเดินหายใจติดขัด... ปัญหาเหล่านี้สามารถทุเลาลงได้ด้วยวิธีการง่ายๆ กับศาสตร์บำบัดยอดฮิตที่เรียกว่า... "สปาหู"

    คำว่า "สปาหู" คงไม่เป็นที่คุ้นเคยเหมือนกับสปาทั่วไป ทั้งๆ ที่เป็นศาสตร์บำบัดดั้งเดิมของมนุษย์ และปัจจุบันเมืองไทยก็นำศาสตร์ชนิดนี้มาเปิดบริการ โดยการบำบัดด้วยควันจากเทียน เพื่อนวดเส้นประสาทในหู ซึ่งเชื่อมโยงกับระบบร่างกาย

    ศาสตร์บำบัดเก่าแก่ของชนเผ่าอินเดียแดงแห่งลุ่มแม่น้ำอริโซนา ก็คือพวกเขานำเทียนขี้ผึ้งผสมสมุนไพร และน้ำมันหอมระเหย ทำเป็นแท่งเทียนมีแกนกลางที่กลวง ใช้ต่อเชื่อมเข้าไปในรูหู แล้วจุดเทียนเพื่อให้เกิดควันและความร้อนอ่อนๆ ผ่านเข้าไปในช่องหู ส่งผลให้เนื้อเยื่อภายในถูกกระตุ้นการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลืองภายในศีรษะและคอ ช่วยผ่อนคลายปรับสมดุล ปรับความดันต่างๆ รวมทั้งอาการหวัด ไมเกรน ปวดหู ศาสตร์นี้ ได้ถูกนำกลับมาใช้ใหม่อย่างแพร่หลายในแถบยุโรป และอเมริกา เป็นศาสตร์ที่พวกเราคนไทยรู้จักกันในนามว่า สปาหู หรือ Ear Aromatherapy หรือ Ear Candeling


    สรรพคุณเทียน "สปาหู"

    ใช้รักษาอาการไซนัส ไข้หวัด อาการภูมิแพ้ เจ็บคอเจ็บหู ลดอาการปวดเมื่อยเนื่องจากความดันที่สูงและต่ำ การกรน การอักเสบ ในช่องไซนัส ต่อมน้ำเหลือง การบวมของต่อมภายในหู ภาวะหูตึง ระบบการทรงตัวไม่ดี ช่วยให้ระบบการหมุนเวียนโลหิตดีขึ้น

    • ลดอาการคันและบำบัดอาการน้ำในหูไม่เท่ากัน

    • ขจัดแบคทีเรีย บำรุงเส้นประสาทสมองให้ สดชื่น

    • ช่วยลดอาการตึงเครียดในสมอง

    • ช่วยลดอาการซึมเศร้า ขี้หลงขี้ลืม

    • ลดความตึงเครียดและความกดดันในสมอง

    • สร้างความสดชื่นให้สมอง

    • ทำให้ช่องหูสะอาด


    การทำ " สปาหู " อย่างถูกวิธีจำเป็นต้องเข้าใจถึงหลักการและขั้นตอนเสียก่อน

    " สปาหู " เป็นธรรมชาติบำบัดรูปแบบหนึ่งซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในกลุ่มคนรักสุขภาพแถบยุโรปและอเมริกา เป็นศาสตร์แห่งการบำบัดเก่าแก่ของชนเผ่าอินเดียแดงแถบลุ่มแม่น้ำอริโซน่า ที่นำขี้ผึ้งผสมสมุนไพรและน้ำมันหอมระเหย ทำเป็นแท่งเทียนที่แกนกลางกลวง และใช้ต่อเชื่อมเข้าไปบริเวณรูหู และจุดไฟเทียนที่ปลายอีกด้านหนึ่ง เพื่อให้เกิดควันและความร้อนอ่อนๆ ผ่านเข้าไปในช่องหูด้านนอก อันจะส่งผลต่อเนื้อเยื่อภายในโดยรอบหูพร้อมทั้งกระตุ้นการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลืองภายในศีรษะและคอ

    "มีการบันทึกประโยชน์ของสปาหูว่า ทำให้ผ่อนคลายและช่วยปรับความสมดุลระดับความดันที่เกี่ยวกับการทรงตัว ระบบไซนัสที่ติดขัดจะเริ่มต้นหมุนเวียนและถ่ายเท และระดับภูมิคุ้มกันจะตอบสนองและพัฒนาขึ้น ซึ่งหมายถึงอาการของโรคต่างๆ จะค่อยๆ ดีขึ้นอย่างชัดเจน เช่น อาการไข้หวัด ไมเกรน ปวดหู หรือช่วยทำความสะอาดหูที่มีขี้หูเปียกชื้นเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคเป็นต้น"



    ซึ่งทำจากผ้าคอตตอนหรือผ้าลินินที่ไม่ได้ฟอกสี จุ่มลงในขี้ผึ้งแล้วพันม้วนเป็นแท่งกลวงตรงกลาง บางชนิดผสมน้ำมันหอมระเหยหรือสารสกัดจากสมุนไพรอาทิ Peppermint, Eucalyptus, Lavender ลงไปในขี้ผึ้ง ตามสูตรโบราณเพื่อประโยชน์บางอย่างที่ออกมาพร้อมกับควันเทียนในระหว่างการเผาไหม้

    สำหรับวิธีการทำ "สปาหู"

    เริ่มจาการนวดบริเวณใบหน้าเพื่อกระตุ้นให้เลือดหมุนเวียน จากนั้นจึงใช้น้ำมันนวดที่บริเวณใบหูโดยเริ่มจากทำจากหูที่ไม่ค่อยมีปัญหาเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดหูด้านเดิมมากขึ้นและเพือให้ร่างกายได้ปรับตัวก่อน จากนั้นจึงใช้เทียนจ่อเข้าไปในรูหู แล้วจุดไฟที่ปลายเทียน โดยขณะที่ทำให้คอยตัดขี้เถ้าเทียนออกเป็นระยะๆ นอกจากนี้ระหว่างทำให้สังเกตที่เปลวไฟ หากไฟนิ่งย่อมแสดงว่ามีการหมุนเวียนของควันได้ดี ส่วนระยะเวลาในการเผาไหม้ของเทียนนั้นประมาณ 8-12 นาที สำหรับคนปกติ และประมาณ 15-20 นาที สำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ ที่สำคัญควรทำทั้ง 2 ข้าง ซึ่งหลังจากทำเสร็จแล้วควรนั่งนิ่งๆ ประมาณ 10 นาที และดื่มน้ำตามมากๆ "ขณะทำจะได้ยินเสียงคล้ายน้ำตกซึ่งทำให้เกิดความผ่อนคลาย เมื่อทำเสร็จจะรู้สึกว่าตั้งแต่คอขึ้นไปรู้สึกเบาขึ้น คนที่นอนไม่หลับก็ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้นและคนที่ปวดหูจากการใช้โทรศัพท์มือถือมากๆ ก็จะดีขึ้นด้วย" หลายคนคิดว่าสิ่งที่เห็นด้านในของเทียนนั้นคือ ขี้หู แต่จริงๆแล้วคือขี้ผึ้งของเทียนที่เกิดจากกระบวนการเผาไหม้ของเทียนเอง ซึ่งสีที่ปรากฏนั้นสามารถบอกได้ว่าบุคคลนั้นมีสุขภาพอย่างไร

    ผลลัพธ์ของขี้ผึ้งจากการทำ "สปาหู" บอกอะไรเราบ้าง?

    • สีน้ำตาล ค่อนข้างใส ถือว่าปกติ

    • สีน้ำตาลดำ แสดงว่าเป็นคนค่อนข้างเครียด และมีน้ำในหูมาก

    • สีน้ำเงิน คือคนที่มีปัญหาโรคมะเร็ง

    • สีเขียว คือคนทีมีสุขภาพแย่มาก

    อย่างไรก็ตาม ความถี่ในการทำสปาหูนั้น ขึ้นอยู่กับบุคคล สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื้อรังประมาณ 5-10 ปีขึ้นไปควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 2 เดือน หลังจากนั้นจึงค่อยๆ ลดลงเหลือสัปดาห์ละครั้ง นอกจากนี้ ผู้ที่ไม่ควรทำสปาหู คือ คนที่เป็นโรคแก้วหูฉีกหรือมีไข้สูงมากๆ รวมทั้งเด็กอายุต่ำกว่า 4 ขวบ ก็ไม่ควรทำเช่นกัน

    หมายเหตุ

    ข้อโต้แย้งและคำเตือนทางวิชาการและวงการแพทย์ เกี่ยวกับการทำ "สปาหู"

    กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ให้ข้อมูลว่าการทำ "สปาหู" ถือว่ายังไม่ได้รับการยอมรับว่าสามารถรักษาโรคตามที่มีการอวดอ้างสรรพคุณ ไม่ว่าโรคใด เช่น โรคไซนัส หวัด ไมเกรน และภาวะน้ำในหูไม่เท่ากัน เนื่องจากยังไม่มีรายงานทางวิชาการสนับสนุน

    องค์การอาหารและยา ประเทศสหรัฐ อังกฤษและแคนาดา ไม่ยอมรับการทำสปาหู โดยวารสารชั้นนำ โสต ศอ นาสิก ในต่างประเทศ มีการตีพิมพ์ระบุว่าการทำ "สปาหู"ไม่มีข้อดีมีแต่ข้อเสีย เช่น ทำให้ช่องหูหรือแก้วหูถูกเผาไหม้ เป็นต้น จากการสอบถามผู้ที่เคยใช้บริการ "สปาหู" ในประเทศแคนาดา จำนวน 122 ราย พบว่าได้รับบาดเจ็บจากการทำ "สปาหู" 13 ราย มีการอุดตันของรูหูจากขี้ผึ้งของเทียนสปา 7 ราย สูญเสียการได้ยิน 6 ราย เกิดภาวะแก้วหูทะลุ 1 ราย จากข้อมูลที่มีผู้เสียหายจำนวนมากนี้ หน่วยงานจึงไม่เห็นด้วยที่จะทำ "สปาหู"

    • แพทย์บอกว่า "สปาหู" ไม่สามารถรักษาไซนัสให้ดีขึ้นได้ เนื่องจากโพรงไซนัสอยู่บริเวณหน้าผากและติดต่อทางหูชั้นกลาง ขณะที่การทำสปาหูเข้าถึงเพียงบริเวณช่องหูในหูชั้นนอกเท่านั้น โดยมีแก้วหูเป็นตัวกันระหว่างหูชั้นนอกและชั้นกลาง หากจะเข้าถึงหูชั้นกลางต้องเจาะทะลุแก้วหูเข้าไปเท่านั้น ซึ่งจะเป็นอันตราย

    • การทำ"สปาหู" ไม่สามารถช่วยดึงน้ำในหูชั้นในได้ จึงไม่อาจรักษาภาวะน้ำในหูไม่เท่ากันได้ โรคนี้จะมีอาการเวียนศีรษะ

    • ส่วนขี้หูนั้น มีหน้าที่ป้องกันสิ่งแปลกปลอมเข้ารูหู ปกติแล้วไม่จำเป็นต้องเอาขี้หูออกแต่อย่างใด ยกเว้นขี้หูอุดตันที่ควรให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เอาออก

    • คนที่หูอักเสบเป็นแผลติดเชื้อ หูน้ำหนวก มีของเหลวไหลออกมาจากหู แก้วหูทะลุฉีกขาดเป็นแผล หรือผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดภายในหูไม่ถึง 3 เดือน เยื่อแก้วหูผิดปกติ และเด็กอายุต่ำกว่า 10 ขวบ ไม่ควรทำ "สปาหู" อย่างเด็ดขาด

    เรียบเรียงบทความ "สปาหู" โดยกองบรรณาธิการ www.ok-spa.com

    สปาตะวันตกและสปาไทยพื้นบ้าน

    สปาตะวันตกและสปาไทยพื้นบ้าน

    ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ได้จัดประเภทของ "สปาไทย-สปาตะวันตก" ตามลักษณะของธุรกิจสปา โดยแบ่งเป็น 3 รูปแบบ ดังนี้ คือ

    1. "สปาแบบตะวันตก"


    เป็นการให้บริการ "สปา" ในรูปแบบที่เน้นต้องใช้อุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัย มีราคาสูงจากต่างประเทศ ผู้ให้บริการด้านสปาต้องเรียนรู้วิธีการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ถูกต้อง ทั้งยังต้องสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับสปา แก่ผู้ใช้บริการได้เป็นอย่างดี เครื่องมือที่ใช้ เช่น ออกซิเจน โซลาร์ สปา เครื่องอบเซาวน่า เครื่องอินฟราเรด เซาวน่า เป็นต้น
    2. "สปาแบบไทยประยุกต์"



    เป็นการให้บริการ "สปา" ที่ผสมผสานระหว่างสปาตะวันตกและสปาแบบตะวันออกเข้าด้วยกัน โดยนำเครื่องมือที่ทันสมัยมาใช้ในการให้บริการสปา ร่วมกับภูมิปัญญาท้องถิ่นพื้นบ้านของไทย สปาในรูปแบบนี้เรียกกันว่า "สปาไทย"

    3. "สปาแบบไทยแท้ หรือ สปาไทยพื้นบ้าน"




    สปาไทย หมายถึง การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมด้วย วิถีไทย ประโยชน์ที่ได้รับจากการดูแลสุขภาพด้วยสปาไทยนั้นจะทำให้ได้รับการผ่อนคลาย แจ่มใส อ่อนเยาว์ มีพลัง สดชื่น มีความสุข การดูแลสุขภาพด้วยสปาไทย ประกอบด้วยการผสมผสานกิจกรรมต่างๆ เพื่อสุขภาพที่หลากหลาย เช่นการใช้น้ำเพื่อสุขภาพ การนวด การ อบตัวด้วยสมุนไพร การพอกตัวและขัดผิว การทำสมาธิ การออกกำลังกาย และการโภชนาการ เป็นต้น

    ร่องรอยแห่งภูมิปัญญาไทยสปาไทย คือมรดกไทยเพื่อการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล สู่อนุชนคนรุ่นหลัง สามารถสืบค้นร่องรอยแห่งภูมิปัญญาไทยดังกล่าวได้จาก ใบลาน ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ภาพลายไทย ปรากฏตามระเบียงโบสถ์ และสถานที่ต่างๆ เช่น อโรคยาศาลา เป็นประสาทหินแบบเขมร ที่จะหาดูได้บริเวณ จังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว สุรินทร์ นับเป็นแหล่งเริ่มต้นของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมด้วยวิถีไทย รูปปั้นฤาษีดัดตนที่วัดโพธิ์ เป็นภูมิปัญญาไทยของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมตัวอย่างของภูมิปัญญาไทยที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมา

    สมุนไพรไทย ที่ใช้บำรุงผิว เช่น ขมิ้นชัน ว่านนางคำ สมุนไพรที่ใช้เป็นเครื่องดื่ม ช่วยขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ได้แก่ กระเจี๊ยบแดง น้ำขิง น้ำตะไคร้ เป็นต้น สมุนไพรไทยที่ใช้บำรุงศีรษะ ขจัดรังแค ทำให้ผมดกดำเป็นเงางาม ได้แก่ น้ำผลมะกรูด นอกจากนี้ยังมีการขัดตัวด้วยมะขามเปียกกับขมิ้นชันทำให้ผิวสวยงาม มีความต้านทานเชื้อโรคสูง นับเป็นการใช้ภูมิปัญญไทยที่สืบทอดกันมาช้านาน
    น้ำแร่ธรรมชาติของไทย (สปา) ตามแหล่งธรรมชาติต่างๆ เช่น บ่อน้ำร้อน จ.ระนอง บ่อน้ำร้อนแจ้ซ้อน จ.ลำปาง บ่อน้ำร้อนสวนผึ้ง จ.ราชบุรี พุน้ำร้อนหินตาด จ.กาญจนบุรี เป็นต้น ซึ่งน้ำแร่เหล่านี้ สามารถรักษาโรคผิวหนังบางชนิดได้เพราะมีสารกัมมะถันปนอยู่ด้วย

    หลากหลายรูปแบบคือความงาม

    การจัดการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมของสปาไทย มีหลากหลายรูปแบบ สิ่งต่างๆ เหล่านี้คือความสามารถอันเป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทย กล่าวคือสปาไทยสามารถปรับสภาวะของร่างกายและจิตใจให้สมดุล สอดคล้องกับธาติเจ้าเรือนของผู้มาใช้บริการ สปาไทย สามารถจัดการให้สอดคล้องกับภูมิอากาศ สภาพแวดล้อม และภูมิประเทศ เช่น ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ โดยจะมีการใช้ว่าน สมุนไพร และองค์ประกอบอื่นๆ ของสปาตามท้องถิ่นที่แตกต่างกันไป สปาแต่ละแห่งจะมีเมนูที่หลากหลาย ปรับให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าแต่ละรายได้เป็นอย่างดี

    เอกลักษณ์สปาไทย

    เอกลักษณ์สปาไทย คือเสน่ห์แห่งตะวันออกที่มีลักษณะเด่น ที่จะพบได้ ณ สปาไทย ในประเทศไทย อันประกอบด้วย การผสมผสานวัฒนธรรมอันอ่อนโยนกับการบริการสปาไทย คือ การนวดไทย สัมผัสกลิ่นอายแห่งมิตรไมตรีแบบไทย กลิ่นหอมจรุงใจแบบไทยด้วยดอกไม้ไทย สมุนไพรไทย เครื่องดื่มไทย และอาหารเพื่อสุขภาพแบบไทย อีกทั้งยังมีสิ่งแวดล้อม สถานที่ ภูมิอากาศ ทะเล เกาะ แก่ง หาดทราย ขุนเขา แมกไม้ พรรณไม้หอมนานาพรรณแบบไทย ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะสัมผัสได้ในสปาไทยเท่านั้น อันเป็นมนต์เสน่ห์แห่งตะวันนออกและเป็นเอกลักษณ์ของสปาไทยอย่างแท้จริง


    คุณภาพมาตรฐานสปาไทย

    กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดทำมาตรฐานสปาไทย เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าคุณภาพของสปาไทยมีมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขภาพต่อผู้มารับบริการ โดยได้กำหนดมาตรฐานดูแลคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภคถึง 5 ด้านด้วยกัน คือ

    1. มาตรฐานว่าด้วยผู้ดำเนินการ

    2. มาตรฐานว่าด้วยลักษณะโดยทัวไป

    3. มาตรฐานว่าด้วยผู้ให้บริการ

    4. มาตรฐานว่าด้วยความปลอดภัย

    5. มาตรฐานว่าด้วยการกำหนดราคา


    สปาไทยสู่สากล

    กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดทำแผนการพัฒนาสปาไทย ยกระดับคุณภาพมาตรฐานสู่สากล นำมาสู่การสร้างรายได้ของธุรกิจบริการสปาไทย เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ

     
    การจัดประเภทของสปาไทย

    ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ได้จัดประเภทของ "สปาไทย-สปาตะวันตก" ตามลักษณะของธุรกิจสปา โดยแบ่งเป็น 3 รูปแบบ ดังนี้ คือ

    1. "สปาแบบตะวันตก"

    เป็นการให้บริการ "สปา" ในรูปแบบที่เน้นต้องใช้อุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัย มีราคาสูงจากต่างประเทศ ผู้ให้บริการด้านสปาต้องเรียนรู้วิธีการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ถูกต้อง ทั้งยังต้องสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับสปา แก่ผู้ใช้บริการได้เป็นอย่างดี เครื่องมือที่ใช้ เช่น ออกซิเจน โซลาร์ สปา เครื่องอบเซาว์น่า เครื่องอินฟราเรด เซาว์น่า เป็นต้น

    2. "สปาแบบไทยประยุกต์"

    เป็นการให้บริการ "สปา" ที่ผสมผสานระหว่างสปาตะวันตกและสปาแบบตะวันออกเข้าด้วยกัน โดยนำเครื่องมือที่ทันสมัยมาใช้ในการให้บริการสปา ร่วมกับภูมิปัญญาท้องถิ่นพื้นบ้านของไทย สปาในรูปแบบนี้เรียกกันว่า "สปาไทย"

    3. "สปาแบบไทยแท้ หรือ สปาไทยพื้นบ้าน"

    คือ "สปา" ที่เกิดจากการฟื้นฟูภูมิปัญญาพื้นบ้านดั้งเดิมของคนไทยในด้านการดูแลสุขภาพแบบโบราณ นำมาประยุกต์ใช้ในรูปแบบสปา โดยยังดำรงค์รักษาแบบพื้นบ้าน เช่น การอาบสมุนไพร การอบสมุนไพร การนวดสมุนไพรไทย การแช่น้ำสมุนไพร การนวดประคบ ขัดผิว การอยู่ไฟหลังคลอดบุตร ตามวิถีธรรมชาติของบรรพบุรุษชาติไทย ที่มีความเรียบง่ายและมีกลิ่นไอพื้นบ้านของไทย ผู้ให้บริการในสปาไทยพื้นบ้าน มักมีความสามารถในเชิงบำบัดเทียบได้ใกล้เคียงกับหมอพื้นบ้านในอดีต โดยเน้นการผ่อนคลายและการบำบัดโรคบางชนิด สถานที่ของสปาไทยพื้นบ้านจะมีการตกแต่งโดยใช้วัสดุที่มีในท้องถิ่น ในรูปแบบสถาปัตยกรรมไทยอาจจะจัดสถานที่บริการให้มีบรรยากาศเหมือนอยู่ในบ้านหรือสวน และนำเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของไทยมาประยุกต์ให้เข้ากับบรรยากาศของสปา

    เรียบเรียงบทความ "สปาไทย" โดยกองบรรณาธิการ www.ok-spa.com